 | | Bunnaroth Buaklee | | Bunnaroth Buaklee ได้อัพเดตสถานะของเขา: "ระบบการเมืองการปกครองทุกวันนี้เป็นยุคที่รวมเอาสุดยอดพัฒนาการด้านลบสองขั้วมาผนวกเข้าด้วยกัน ขั้วแรก -- ระบบราชการและอำนาจแบบรวมศูนย์ที่สะสมความเหลวไหลเลอะเทอะให้กับตัวระบบมาถึงที่สุด ผมไม่อยากใช้คำว่า"พัฒนาการ" แต่ก็หาคำอื่นมาแทนไม่ได้ จึงขอเรียกว่า "พัฒนาการด้านลบของระบบราชการ" สะท้อนความใหญ่โต เล่นพรรคพวก ขาดคุณธรรม สะสมวิชามารของเทคโนแครตในระบบ ดังนั้นระบบดังกล่าวจึงขาดประสิทธิภาพแก้ปัญหาได้เฉพาะเรื่องเล็กๆ เก่งก็แค่งานบริการประเภทมีระบบคิวให้กดปุ่ม ทำบัตรประชาชนเร็วขึ้น แต่ทว่างานที่ต้องอาศัยวิสัยทัศน์ ทิศทาง วางแผน และการจัดการยุคใหม่สอบตกหมด เมื่อปี 54 วิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดมหาดไทยวันนี้ตอนนั้นเป็นอธิบดีกรมป้องกันสาธารณภัย ทำเท่ประกาศระบบป้องกันน้ำท่วมรวมศูนย์โน่นนี่ไว้ให้นายกปูแถลงเอาหน้า แต่พอเอาเข้าจริงระบบดังกล่าวไม่ได้ช่วยอะไรเลย นั่นเพราะระบบของบ้านเรารวมศูนย์แบบหัวแตกคือรวมที่อธิบดีและกรมแบบต่างฝ่ายต่างทำ สิ่งที่สะท้อนความไม่เอาไหนของระบบรวมศูนย์ที่ชัดที่สุดคือภาระงบประมาณประจำ การขยายตำแหน่ง ซี เพื่อตนเองและการวิ่งเต้นที่กลายเป็นระบบหลัก ขั้วที่สอง -- พัฒนาการด้านลบของทุนการเมืองที่กลายร่างเป็นคณะทุนการเมืองสามานย์ โหยหิว ตะกละ หน้าด้าน ที่ปราศจากระบบเหนี่ยวรั้งถ่วงดุลเข้ามาครอบครองอำนาจและทรัพยากร แสวงหาผลประโยชน์เข้าตนเป็นสำคัญ ระบบประชาธิปไตยถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่การปกครองแบบอำนาจเดี่ยวรวมศูนย์ของสังคมแบบเก่า (กษัตริย์,ขุนนาง,ขุนศึก,ฯลฯ) กระจายการถืออำนาจไปให้คนทั้งหมด โดยออกแบบไม่ให้คนที่มีอำนาจใช้อำนาจบิดเบือน ดังนั้นหลักการถ่วงดุล และหลักนิติรัฐจึงมีความจำเป็นต่อระบบประชาธิปไตย ประชาธิปไตยที่ไม่มีการถ่วงดุลจริงคนที่มีอำนาจก็จะบิดเบือนการใช้อำนาจ เข้าห่อเข้าพก เข้าพวกเข้าพ้อง .. อีแบบนี้คือประชาธิปไตยหลอกควายเท่านั้น ! ในยุคก่อนปี 2530 นักวิชาการเรียกการปกครองบ้านเราว่าเป็นแบบอำมาตยาธิปไตย คือ ฝ่ายการเมืองไม่เข้าแข็งระบบราชการเลยครอบงำ ทิศทางประเทศถูกครอบด้วยแผนพัฒนาของฝ่ายประจำ นักการเมืองเป็นแค่ปลัดประเทศ ระหว่างนั้นระบบราชการจึงขยายใหญ่โตพัฒนาการด้านลบที่ไม่เข้าท่าของตัวเองออกยกใหญ่ แต่มาถึงปัจจุบันอำนาจการเมืองและทุนเข้มแข็งเลยเข้าครอบองค์กรราชการที่เลวร้ายอยู่แล้วให้เลวร้ายซ้ำไปอีก กลายเป็นสุดยอดของความเลวร้าย เพราะระบบราชการที่บิดเบือนใหญ่โตอยู่ภายใต้อำนาจกระหายหิวของฝ่ายทุนการเมือง คิดจะทำอะไรก็ทำ เหมือนที่ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์คอยปกปิดบิดเบือนเรื่องจำนำข้าว เหมือนที่ดีเอสไอรับใช้การเมือง ฯลฯ ที่เป็นอยู่ เพราะโครงสร้างอำนาจของเรารวมศูนย์ ทรัพยากรของเรารวมศูนย์ เมื่อมีการเลือกตั้งคนที่ได้อำนาจจึงสามารถ "กินรวบ" ประเทศได้ง่าย ผ่านการบงการข้าราชการลิ้นสากๆ ที่คอยเลียตีน ข้าราชการที่ไม่วิ่งหาก็ไม่เติบโต แล้วระบบราชการก็ช่วยพวกนี้โกงกินกัน จะแก้ปัญหา"ได้อำนาจมาสามารถกินรวบประเทศได้" ต้องแก้ที่ระบบ ไม่ใช่หาตัวบุคคล"ดีๆ" มานั่งตำแหน่ง หรือเอาพรรคการเมืองอีกขั้วมานั่งเพราะผลที่ออกมาก็เหมือนกัน กลายเป็นเปลี่ยนหน้ากันมากินเท่านั้น การแก้ที่ระบบ ปรับระบบเรียกว่าการปฏิรูป ! ในกรณีผู้ชนะได้กินรวบแบบนี้มีแต่ต้องไม่ให้เขาสามารถกินรวบ ได้อำนาจไปก็ใช้เงินประเทศได้ไม่ครบทุกกระเป๋า ใช้ข้าราชการได้ไม่กี่คน มีอำนาจบงการใช้ทรัพยากรได้จำกัดลง ก็คือปฏิรูปโดยกระจายอำนาจ ! โดยปฏิรูปเงื่อนไขกติกาการใช้ทรัพยากร (ปิโตรเลียม ดิน น้ำ ป่า แร่ ที่ดิน) กันเสียใหม่" | |
| |
|
|
| |
|
 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น